แอดมิชชั่น (Admissions)เป็นระบบกลางในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยจะมีคะแนนทั้งหมด 4 ส่วน
1. เกรดเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร ม.ปลาย หรือ เทียบเท่า (GPAX)
2. การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET)
3. การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT)
4. การทดสอบความถนัดทางวิชาการวิชาชีพ (PAT)
และนำคะแนนทั้ง 4 ส่วนมาคิดเป็นองค์ประกอบแอดมิชชั่น
GPAX = 20%
O-NET = 30%
GAT/PAT = 50% (* สัดส่วน GAT/PAT แตกต่างกันไปตามกลุ่มวิชา)
ทั้งหมด 100% หรือ 30,000 คะแนน
นำคะแนนที่ได้มายื่นในระบบแอดมิชชั่น โดยสามารถเลือกสาขา/คณะ/มหาวิทยาลัย ได้ 4 อันดับ การเลือกเข้าเรียนหากคะแนนไม่ถึงอันดับที่ 1 ก็จะหลุดมาอันดับที่ 2, 3 และ 4 ตามลำดับ หากหลุดทั้ง 4 อันดับ คือแอดมิชชั่นไม่ติด
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดรับตรงและโควตาต่างๆ ของมหาวิทยาลัย โดยเป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยเปิดรับตรงเอง โดยเกณฑ์การคัดเลือกแล้วแต่มหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีทั้งสัดส่วนคะแนน GPAX, O-NET, GAT/PAT, 9 วิชาสามัญ, สัมภาษณ์
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นคือ มหาวิทยาลัยต่างแห่กันเปิดรับตรงและโควตามากขึ้น ทำให้เด็กติดรับตรงหลายแห่ง และมีการยืนยันสิทธิ์ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมการศึกษาทุกแห่งที่สอบติด และไม่ยอมแจ้งสละสิทธิ์ จากนั้นมายื่นคะแนนแอดมิชชั่นต่อ ทำให้เกิดการ “กั๊ก” ที่นั่งขึ้น เด็กหลายคนไม่มีที่เรียน ขณะที่มหาวิทยาลัยมีที่นั่งว่างจำนวนมาก
จึงได้แก้ปัญหาโดยการใช้ระบบเคลียริ่งเฮาส์เข้ามาช่วย โดยการรวบรวมและประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกในระบบรับตรงและโควตาของสถาบันต่างๆ ที่มีข้อตกลงในการใช้ระบบเคลียริ่งเฮาส์ ซึ่งนักเรียนที่สอบติดรับตรงมีสิทธิ์เลือกยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาได้เพียง 1 ที่เท่านั้น หลังจากนั้นก็จะถูกส่งรายชื่อเพื่อตัดสิทธิ์แอดมิชชั่นหากไม่ดำเนินการใดๆ จะถือว่าผู้นั้นสละสิทธิ์การเข้าศึกษาในระบบตรง
ทีเเคส (TCAS) จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ลดการวิ่งรอกสอบ ลดความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องค่าใช้จ่าย รวมทั้งเปิดโอกาสให้เด็กที่ไม่ผ่านรอบต่างๆ ได้มีโอกาสแก้ตัวในรอบต่อๆ ไปได้ ซึ่งทีแคสจะรวมวิธีการรับทั้งหมดเข้ามาอยู่ในระบบนี้ โดยจะแบ่งเป็น 5 รอบ คาดว่าจะรับเด็กได้ประมาณ 206,506 คน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น