การเตรียมตัวรับมือกับระบบ TCAS

1.เกรดต้องพร้อม
           ระบบ TCAS รอบที่ 1-3 เป็นรอบที่แต่ละมหาวิทยาลัยเปิดรับเยอะมาก ซึ่งทำให้เห็นว่ามหาวิทยาลัย เริ่มมองเห็นความสำคัญของการรับน้องๆ ที่มีคุณสมบัติตรงกับคณะนั้นๆ มากขึ้น ซึ่งรอบที่ 1 หรือรอบ Portfolio นั้น ไม่ได้หมายถึงว่าต้องมีผลงาน Portfolio เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงโครงการต่างๆ ที่มีเกรดหรือคะแนนพิเศษอื่นๆเป็นตัวตัดสินด้วย

          ใครที่ไม่ตั้งใจเรียน แล้วคิดว่าค่อยมาฟิตเกรดตอนท้ายๆ บอกเลยว่าไม่ทันแน่นอน เพราะรับตรงส่วนใหญ่จะใช้เกรดรวม 4-6 เทอม เร่งตอนท้ายแต่ตอนต้นห่อเหี่ยวมาเลย ก็จะเร่งไม่ขึ้นนะคะ เท่านั้นไม่พอบางโครงการกำหนดเกรดขั้นต่ำในการสมัครด้วย ดังนั้นยิ่งเราทำเกรดได้มากเท่าไหร่ โอกาสในการยื่นโครงการต่างๆ ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น น้องๆ ควรตั้งใจเรียนในห้องเรียน และเก็บเกรดให้พร้อมในทุกเทอมดีกว่า

 2.ฝึกทำ Portfolio ให้เป็น
        ในระบบเดิม การมี Portfolio ก็ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและได้เปรียบ ส่วนในระบบ TCAS รอบที่ 1 รอบ Portfolio ถึงจะบอกว่าไม่ใช่แค่รับแบบใช้ Portfolio อย่างเดียว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Portfolio ต้องมีส่วนสำคัญและเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
       ในรอบนี้ น้องๆที่อยู่ในชั้นม.ต้น อาจจะยังไม่ต้องถึงกับทำเล่มหรือไฟล์ Portfolio เก็บไว้ก็ได้  เพราะยังมีเวลาเก็บรวบรวมผลงานกันอีกหลายปี แต่โปรแกรมต่างๆ ที่เราสามารถทำให้ Portfolio เราน่าสนใจมากขึ้น เช่น Photoshop, Illustrator หรือรวมไปถึงงานฝีมือ เช่น งาน Zine , งาน Craft ก็เป็นสิ่งที่สามารถฝึกหัดกันได้ ฝึกหัดทำวันละนิดละหน่อยหรือลองทำหลายโปรแกรม ลองดูว่าโปรแกรมไหนที่ทำง่ายและเหมาะกับเราที่สุด กว่าจะถึงชั้นม.6 รับรองว่าจะมีไอเดียดีๆ ในการทำ Portfolio แน่นอน

 3.เข้าร่วมกิจกรรมเข้าไว้
         ความน่าสนใจของ Portfolio นอกจากความสวยงามแล้ว ส่วนหนึ่งก็คือกิจกรรมต่างๆ ที่ขนมาใส่ใน Portfolio กันนี่แหละ บางคนก็เอากิจกรรมตั้งแต่ชั้นอนุบาลมาใส่กันเลย น้อยใหญ่ก็ไม่เกี่ยงขอแค่พอมีผลงานและกิจกรรมต่างๆ ให้กรรมการได้มองเห็น ประโยชน์ของการทำกิจกรรมไม่ใช่แค่เพื่อทำพอร์ตฟอลิโอเท่านั้น แต่ยังได้ทักษะต่างๆจากกิจกรรมที่เข้าร่วมแล้วซึ่งถ้าเป็นกิจกรรมตรงกับคณะที่เราอยากเข้าก็ยิ่งดี อาจารย์อาจจะสนใจเราเป็นพิเศษ 
         นอกจากนี้ บางคนอาจจะค้นพบตัวเองหรือค้นพบคณะที่อยากเข้า จากกิจกรรมต่างๆ ที่เข้าร่วมก็ได้ ตอนนี้น้องๆ ม.ต้น ยังมีเวลาเหลืออีกเยอะลองมองหากิจกรรมที่น่าเชื่อถือและน่าสนใจเพื่อเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองอะไรใหม่ๆและได้ค้นหาตัวเองจากกิจกรรมที่เข้าร่วม นอกจากจะได้รับทั้งสาระและประวัติการเข้าร่วมงานแล้วความสนุกของช่วงเวลานี้ในชั้นมัธยมก็หาไม่ได้อีกแล้วในมหาวิทยาลัย

4.วางแผนการเงินล่วงหน้า
        ถึงแม้ระบบ TCAS จะช่วยทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการไปสอบในแต่ละมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ แต่ยังไงก็ตาม การจัดสอบแต่ละครั้ง ก็ยังคงมีค่าใช้จ่ายค่ะ เช่น วิชาเฉพาะแพทย์, GAT PAT, 9 วิชาสามัญ รวมทั้งการยืนยันสิทธิ์แต่ละรอบก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายด้วย ดังนั้น เราก็พอจะมองเห็นค่าใช้จ่ายในช่วงนั้น หรือสามารถวางแผนการเงินคร่าวๆ ได้
         การวางแผนการเงินล่วงหน้า นอกจากจะทำให้ไม่พลาดในโครงการต่างๆ รวมไปถึงเตรียมตัวด้านการเงินทันแล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่ทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองได้ เช่น การทำงานพิเศษปิดเทอม, การลดค่าขนมในแต่ละวัน ฯลฯ ถือเป็นการสร้างความรับผิดชอบตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมต้นเลย 

5.อ่านหนังสือเตรียมพร้อม 
        ถึงแม้ว่าระบบ TCAS จะสนับสนุนเรื่องการเรียนในห้องเรียน โดยรวมทุกการสอบให้ไปอยู่หลังเรียนจบ ม.6 แต่ก็มีเรื่องให้ต้องระวังคือ หลายคน อาจจะประมาทและเผลอลืมว่าการสอบในช่วงเวลาที่ติดๆ กัน จะทำให้เตรียมตัวและอ่านหนังสือกันไม่ทัน ซึ่งถ้าพลาดแล้ว ก็พลาดกันไปเลยนะคะ รอบนี้ GAT PAT ไม่มีแก้ตัวนะ เพราะสอบกันแค่รอบเดียว
     
    ดังนั้น ยิ่งเรารู้ว่าการสอบแต่ละครั้งสำคัญยังไง ก็ยิ่งต้องเตรียมตัวล่วงหน้าอ่านหนังสือกันแบบเต็มที่ ฝึกทำโจทย์ในทุกๆ วัน วันละนิด วันละหน่อย ตั้งแต่ชั้น ม.ต้น อย่าลืมว่าทำโจทย์วันละ 1 ข้อ ภายใน 1 ปี เราก็เจอโจทย์ไป 365 ข้อแล้ว ใครที่ยังอยู่ม.ต้น หรือม.4-5 ก็อย่าลืมใช้เวลาที่เหลือ อ่านหนังสือเตรียมพร้อมกันเลย

6.หาคณะเป้าหมายให้เจอ
         การเตรียมตัวที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือการเตรียมตัวที่มีจุดมุ่งหมาย เรารู้ตัวเองว่าเราเตรียมตัวไปเพื่ออะไร หรือเพื่อคณะไหน ลองนึกดูว่าถ้ายังหาตัวเองไม่เจอแต่ติดคณะในรอบที่ 1 แล้วกดยืนยันสิทธิ์เลือกเรียนไปแล้ว แต่มาค้นพบคณะที่ตัวเองอยากเข้าจริงๆ อยู่ในรอบที่ 3 จะรู้สึกเสียดายแค่ไหน การค้นพบตัวเองช้าหรือการที่ยังไม่มีคณะเป้าหมายในใจในช่วงก่อนชั้น ม.6 จะไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การที่เรามีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็จะช่วยให้เราวางแผนไปสู่เป้าหมายได้ง่ายกว่า
     
     ดังนั้น ในช่วงมัธยมควรลองใช้เวลาค้นหาตัวเองให้เจอ ลองเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่มีการแนะนำคณะ เช่น งาน Fair ของมหาวิทยาลัย, งาน Open House หรือค่ายของคณะต่างๆ ฯลฯ เพราะยิ่งมีคณะเป้าหมายในใจเร็วเท่าไหร่ การวางแผนสำหรับการเข้าคณะก็จะง่ายเท่านั้น

7.วางแผนในรอบที่ใช่ 
          เชื่อว่าม.6 ยังสับสนกับ TCAS อยู่บ้าง และยังไม่รู้วิธีวางแผนการสอบกันเท่าไหร่ แต่น้องๆ ม.ต้นและน้องๆ ม.4-5 ที่มีโอกาสได้เห็นระบบนี้ล่วงหน้า ก็ควรใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ รีบทำความเข้าใจระบบในแต่ละรอบให้ชัดเจน เพื่อที่ว่าเราไปอยู่ ม.6 แล้ว ทุกอย่างจะได้ลงตัวและง่ายขึ้น
     
     ดังนั้น การวางแผนในรอบที่ใช่เลยถือเป็นสิ่งสำคัญที่น้องๆ มัธยมควรทำใครที่เรียนไม่เก่ง 
พยายามแค่ไหนก็ยังได้คะแนนไม่ค่อยดีแต่รู้ตัวว่าตั้งใจเรียนและเกรดดี มีความสามารถก็อาจจะมีโอกาสติดในรอบที่ 1-2 ก่อนเพื่อนเลยก็ได้ หรือถ้าใครไม่มีผลงาน ไม่มีความสามารถพิเศษ แต่รู้ว่าตัวเองจำเก่ง อ่านหนังสือเยอะ ทำโจทย์ได้ ก็อาจจะทุ่มเทให้ตัวเองติดรอบที่ 3 หรือ 4 ได้เลย เห็นไหมว่าการวางแผนในรอบที่ใช่ มีความสำคัญมากแค่ไหน สำหรับน้องๆ มัธยม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น